ทัศนธาตของทัศนศิลป์


มนุษย์เราสามารถมองเห็นและสังเกตสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติด้วยตา โดยมีสมองและจิตใจเป็นเครื่องตรวจสอบการเห็นจากภาพที่ปรากฏ ดังนั้นการมองวัตถุใดๆ ตาทั้งสองข้างจะรับภาพในมุมที่ต่างกัน และส่งข้อมูลไปให้สมองแปลข้อมูลจากภาพ 2 มิติ ที่รับจากตาแต่ละข้างรวมกันเป็นภาพ 3 มิติ (ถ้าลองชูนิ้วชี้ขึ้นมา แล้วลองปิดตาทีละข้าง เมื่อเทียบกับพื้นหลังจะเห็นนิ้วในตำแหน่งที่ต่างกัน) มุมมองของตาแต่ละข้างที่รับรู้แตกต่างกันนั้น ทำให้เรารับรู้มิติความลึกได้


  1. การเห็นรูปและพื้นหลัง (Figure and Ground)
เป็นปกติที่เราจะเห็นรูป และพื้นที่ไปพร้อมๆ กัน ขึ้นอยู่กับความสนใจในการมองของเรา ว่าจะเลือกมองสิ่งใดเป็นรูป และสิ่งใดเป็นพื้น
  1. การเห็นแสงและเงา (Light and Shadow)
แสงสว่างมีผลต่อการรับรู้และความรู้สึก เพราะมีแสงสว่างในบริเวณที่มีวัตถุตั้งอยู่ เราจึงเห็นน้ำหนักของวัตถุนั้นๆ คุณค่า (Value) ของแสงและเงามีอิทธิพลต่อรูปร่างวัตถุ และเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องศึกษาทั้งในด้านความงามจากธรรมชาติ และการสร้างสรรค์งานศิลปะ ปริมาณและชนิดของแสงที่ตกกระทบลงบนวัตถุ สามารถทำให้เกิดหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกได้
  1. การเห็นตำแหน่งและสัดส่วน (Position and Proportion)
เป็นการเห็นโดยตำแหน่งของเราเปรียบเทียบกับตำแหน่งของวัตถุ ถ้าเราอยู่ระยะใกล้กับวัตถุ เราจะมองเห็นวัตถุได้ชัด และมีขนาดใหญ่ แต่ถ้าวัตถุอยู่ไกลออกไปวัตถุนั้นจะพร่าเลือน และเล็กลงตามระยะทางจากตำแหน่งที่เรามอง
  1. การเห็นความเคลื่อนไหว (Motion)
เป็นการรับรู้ในการมองเห็นความเคลื่อนไหวของวัตถุ หรืออาจเพราะตัวเราเคลื่อนไหวเอง จึงทำให้เราเห็นภาพในลักษณะที่เคลื่อนที่
ทัศนธาตุ (Visual Element)
ทัศนะ หมายถึง การเห็น สิ่งที่เห็น เครื่องรู้เห็น การแสดง
ธาตุ หมายถึง สิ่งที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่รวมกันเป็นรูปร่างของสิ่งทั้งหลาย
ทัศนธาตุ จึงหมายถึง ส่วนสำคัญของสิ่งทั้งหลายที่รวมกันเป็นรูปเป็นร่างตามการมองเห็น
ส่วนประกอบในการมองเห็นของมนุษย์ แบ่งออกเป็น 7 ส่วน  เริ่มจากส่วนที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือ
  1. จุด (Dot)
ถือเป็นทัศนธาตุที่เป็นจุดกำเนิดของทัศนธาตุอื่นๆ ต่อไป มีลักษณะเป็นรอยขนาดเล็กที่สุด ปรากฏอยู่บนพื้นระนาบ ไม่มีมิติ เมื่อนำมาต่อเรียงกันจะกลายเป็นเส้น ถ้านำมาจัดกลุ่มจะกลายเป็นรูปร่าง หรือเป็นน้ำหนักให้ปริมาตรแก่รูปทรง
  1. เส้น (Line)
เป็นองค์ประกอบที่เกิดจากการเรียงรายของจุดที่ต่อกันไปเป็นสายทำให้เกิดเส้น เส้นสามารถบอกถึงความหมาย หรือให้อารมณ์ความรู้สึกทางจิตใจแก่ผู้ดู รวมถึงสร้างรูปทรงต่างๆ ขึ้นได้
 เส้นตรง :
  • เส้นตั้ง หรือเส้นดิ่ง : ให้ความรู้สึกมั่นคง สง่า หนักแน่น แข็งแรง
  • เส้นนอน : ให้ความรู้สึกกว้างขวาง สงบ นิ่ง ผ่อนคลาย
  • เส้นเฉียง : ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว แปรปรวน ไม่มั่นคง
  • เส้นหยัก หรือฟันปลา : ให้ความรู้สึกอันตราย ขัดแย้ง รุนแรง ทำลาย มีจังหวะ แหลมคม
  • เส้นประ : ให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง ไม่แน่นอน ขาดระยะ
  • เส้นโค้ง :
    • เส้นโค้งลง : ให้ความรู้สึกอ่อนโยน เคลื่อนไหว ไม่แข็งแรง
    • เส้นโค้งขึ้น :  ให้ความรู้สึกแข็งแรง เชื่อมั่น
    • เส้นโค้งแบบเกลียวคลื่น : ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว ลื่นไหล นุ่มนวล สุภาพ
    • เส้นโค้งก้นหอย : แบบหมุนวนออกให้ความรู้สึกคลี่คลาย แบบหมุนวนเข้าจะรู้สึกอึดอัด
    • เส้นโค้งอิสระ : ให้ความรู้สึกวุ่นวาย ยุ่งเหยิง สับสน
    • รูปร่าง และรูปทรง (Shape and Form)

    • 3 .รูปร่าง (Shape) คือการนำเส้นมาประกอบกันจนทำให้เกิดมิติ ความกว้าง ความยาว ไม่มีความหนา หรือความลึก เป็นภาพ 2 มิติ
      รูปร่างแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ
      • รูปร่างธรรมชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คน สัตว์ แมลง ต้นไม้ ใบหญ้า ฯลฯ
      • รูปร่างเรขาคณิต สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม ฯลฯ
      • รูปร่างอิสระ หรือดัดแปลง รูปร่างที่สร้างสรรค์ขึ้นตามอารมณ์ของแต่ละบุคคล โดยตัดทอนจากรูปร่างธรรมชาติ หรือรูปร่างเรขาคณิต
      รูปทรง (Form) คือเส้นที่ประกอบขึ้นมีทั้งความกว้าง ความยาว และความหนา หรือความลึก มีลักษณะเป็น 3 มิติ
      • รูปทรงธรรมชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีกฎเกณฑ์ของรูปทรงที่แน่นอน มีการนำมาใช้กันมาก เพราะธรรมชาติมีอยู่รายล้อมรอบตัวเราเสมอ
      • รูปทรงเรขาคณิต เกิดจากการสรรสร้างของมนุษย์ โดยถูกนำมาใช้เป็นองค์ประกอบพื้นฐานทัศนศิลป์
      • รูปทรงอิสระ หรือดัดแปลง ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อม
      • บริเวณว่าง (Space)
      • เป็นบริเวณที่ไม่มีรูปทรงหรือเนื้อหาใดๆ มีบทบาทในการเสริมรูปทรงไม่น้อยกว่าทัศนธาตุทั้งหลาย

        4.ที่ว่างลบ (Negative Space) คือที่ว่างรอบภาพ และ ที่ว่างบวก (Positive Space) คือส่วนที่เป็นตัวภาพ ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างงานศิลปะ ถ้าในองค์ประกอบนั้นๆ มีรูปทรงหรือรายละเอียดมากไปจะทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ถ้ามีพื้นที่ว่างมากไปก็จะให้ความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว ดังนั้นการจัดองค์ประกอบควรจัดให้เหมาะสมได้สัดส่วน หรือดูตามความต้องการในการสื่ออารมณ์ของการนำเสนอผลงาน 
        1. พื้นผิว (Texture)
        ลักษณะของผิววัสดุที่มองเห็นและสัมผัส ทำให้ได้ความรู้สึกที่ต่างกัน เช่น ผิวเรียบ ผิวหยาบ ผิวมันวาว ผิวด้าน ผิวขรุขระ

        พื้นผิวของงานศิลปะมีทั้งพื้นผิวตามธรรมชาติ และพื้นผิวที่เกิดจากการปรุงแต่ง เช่น การแกะสลักบนผิวไม้ให้เป็นลวดลาย ส่วนภาพเขียนแสดงรายละเอียดของพื้นผิวได้ด้วยเนื้อสี เนื้อกระดาษ หรือเนื้อผ้าใบ และยังสามารถใช้เทคนิคสร้างภาพพื้นผิวทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ให้เป็นลวดลายต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน
        1. น้ำหนัก (Tone)
        ค่าความอ่อนแก่ของสีที่เป็นตัวกำหนดให้ภาพเกิดเป็นสองมิติขึ้น และมีความยาว ความกว้าง ทิศทาง และรูปร่างพร้อมกับเส้นรอบนอกเสมอ ทำให้เกิดค่าแสงและเงา ช่วยให้ภาพมีระยะตื้น ลึก ใกล้ ไกล ทำให้ภาพดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
        1. สี (Colour)
        สีมีคุณลักษณะของธาตุทั้งหลายรวมอยู่ครบถ้วนทั้งเส้น น้ำหนัก ผิว และมีคุณลักษณะพิเศษเพิ่มขึ้น 2 อย่าง คือ ความเป็นสี (Hue) และการจัดของสี (Intensity)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น